Web3 คือ เทคโนโลยีอินเทอร์เนตในยุคหลังจากนี้ที่มีคอนเซบท์หลักของการกระจายอำนาจ (Decentralized) นอกจากผู้ใช้งานที่จะได้รับประโยชน์จากการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเองแล้ว ภาคธุรกิจยังสามารถนำไปสร้างรูปแบบรายได้ใหม่ได้เช่นกัน
ทำความเข้าใจ Web1 และ Web2 ก่อน
Web1 หรืออินเทอร์เนตในยุคแรกจะทำอะไรไม่ได้มากนักผู้ใช้งานทำได้เพียงแค่อ่านคอนเทนท์ผ่านเวบไซต์เท่านั้นไม่สามารถโต้ตอบหรือสื่อสารสองทาง ต่อมาในยุค Web2 เริ่มเกิดแพลตฟอร์มอย่างสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ตลอดจนแอปพลิเคชั่นต่างๆบนมือถือ เป็นยุคที่การใช้งานอินเทอร์เนตเติบโตอย่างมาก
ผู้ใช้งานในยุค Web2 ซึ่งเป็นยุคปัจจุบันสามารถทำธุรกรรมต่างๆได้นอกเหนือจากการเขียนคอนเทนท์อย่างเช่นการชำระเงินการโอนเงินหากันการสั่งซื้อสินค้าฯลฯซึ่งเราจะเรียกอินเทอร์เนตในยุค Web2 ว่าเป็นยุคของ Platform จากการที่มีผู้สร้างแพลตฟอร์มเกิดขึ้นในยุคนี้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามการที่แพลตฟอร์มมีอำนาจจัดการทุกอย่างทำให้เกิด Painpoint ที่ผู้ใช้งานถูกจำกัดการใช้งานหรืออาจจะถูกแบนออกจากระบบได้รวมถึงปัญหาในการถูกล้วงล้ำข้อมูลส่วนบุคคลเช่นเดียวกับปัญหา Fake Account
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ตลาดหมีของ Metaverse และ NFT จะผ่านพ้นไปหรือยัง
คอนเซบท์ของ Web3
ขณะที่ Web3 จะทำงานภายใต้เทคโนโลยีการกระจายอำนาจอย่างบล็อกเชนภายใต้ 4 คอนเซบท์ดังนี้
Decentralization หรือการกระจายอำนาจ เจ้าของแพลตฟอร์มจะทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางแต่จะไม่เข้ามาจัดการหรือควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ใช้งานเหมือนกับแพลตฟอร์มในยุค Web2
Privacy การที่ Web3 ทำงานภายใต้พื้นฐานของบล็อกเชนที่แม้ว่าจะสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆภายในได้แต่จะไม่มีทางทราบตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้งานถ้าหากผู้ใช้ไม่ได้ทิ้งข้อมูลส่วนตัวเอาไว้ให้ติดตาม
Security ด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสหรือ Encryption ทำให้ข้อมูลและสินทรัพย์ต่างๆของผู้ใช้งานไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของแพลตฟอร์มแต่ผู้ใช้งานเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง ป้องกันการถูกโจรกรรมได้
มีการใช้ Machine learning และ AI เข้ามาทำให้การทำงานมีความอัจฉริยะมากขึ้นในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจต่างๆด้วยตัวเอง
คอร์สออนไลน์ : “กลยุทธ์ Digital Marketing โดยใช้ NFT&Metaverse” โดย Futureskill คลิ๊กที่ลิงค์นี้ได้เลย โดยกรอก Code : AFFXGAP1 ได้ส่วนลด 100 บาทจากราคาขาย
ผู้ใช้งานได้ประโยชน์อะไร??
ผู้ใช้งานอินเทอร์เนตยุค Web3 มีข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับการใช้งานอินเทอร์เนตในยุค Web2 ดังนี้
มีโอกาสเป็นเจ้าของสินทรัพย์ของตัวเอง จากเดิมที่สิ่งต่างๆบนโลกออนไลน์จะตกอยู่ในการควบคุมของแพลตฟอร์ม แต่ Web3 จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถถือครองสินทรัพย์ต่างในโลกดิจิทัลด้วยตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลหรือ NFT อีกทั้งยังสามารถซื้อขายหรือโอนให้กันได้
โอกาสสร้างรายได้จากการใช้งาน ด้วยกลไกของบล็อกเชนทำให้เกิดโมเดลของการได้รับรีวอร์ดจากการเข้ามาใช้งานในรูปแบบของโทเคนดิจิทัล ทำให้เกิดโมเดลสร้างรายได้ไม่ว่าจะเป็น Play To Earn หรือ Click To Earn ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองจากการมีส่วนร่วม
มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของแพลตฟอร์มและทำงานบนบล็อกเชนทำให้ผู้ใช้งานมีความเป็น Privacy ในตัวเองตลอดจนมีความปลอดภัยจากการที่ถือครองสินทรัพย์ต่างๆด้วยตัวเอง
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : NFT กับการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ
ตัวอย่างของแพลตฟอร์ม Web3
ช่วงปี 2020-2021 ซึ่งเป็นตลาดขาขึ้นของคริปโตมีการเกิดขึ้นของแพลตฟอร์ม Web3 โดยที่ยังไม่ได้ถูกเรียกกันว่า Web3 ด้วยซ้ำไม่ว่าจะเป็น DeFi หรือระบบการเงินกระจายอำนาจอย่างเช่น Uniswap
ต่อมาก็มีการเกิดขึ้นของเกมส์ที่เล่นแล้วได้เงินหรือ GameFi ตลอดจน Metaverse โดยมีแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Axie Infinity และ The Sandbox ตลอดจน NFT ที่มีตลาดซื้อขายชื่อดังอย่าง OpenSea
ทั้งนี้หัวใจสำคัญของ Web3 คือแอปพลิเคชั่นกระเป๋าเงินอีเล็กทรอนิกส์หรือ Wallet โดยชื่อที่คุ้นเคยกันอย่างดีก็คือ Metamask ซึ่งใช้เชื่อมต่อสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้อย่าง Cryptocurrency,Digital Token ตลอดจน NFT ไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มอินเทอร์เนต 3.0 อย่างเช่น Web Browser อย่าง Brave,Music Streaming อย่าง Audios และแพลตฟอร์มจดทะเบียนโดเมนเนมอย่าง Ethereum Name Service
ภาคธุรกิจจะนำไปสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ได้อย่างไร??
ประโยชน์หลักๆที่ภาคธุรกิจจะสามารถนำ Web3 มาใช้ให้เกิดประโยชน์นอกเหนือจากการนำมาใช้ในเชิงการตลาดอย่างเช่นการเปิดร้านใน Metaverse มีแนวทางต่อไปนี้
รายได้จากการจำหน่ายสินทรัพย์ดิจิทัล ภาคธุรกิจสามารถนำแบรนด์เข้ามาในโลกของ Web3 ด้วยการสร้างและจำหน่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเองไม่ว่าจะเป็นไอเท็มต่างๆในเกมส์หรือการสร้าง NFT จากทรัพย์สินทางปัญญาขึ้นมาขายให้กับแฟนคลับ
รับธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมต่างๆ อีกรูปแบบรายได้ที่ภาคธุรกิจสามารถต่อยอดได้จากการจำหน่ายสินทรัพย์ดิจิทัลคือการเก็บค่าธรรมเนียมจากการใช้งานบล็อกเชนไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายหรือการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างกัน ถ้าหากสามารถออกแบบระบบเศรษฐกิจให้มีความ Friendly ก็จะช่วยดึงดูดผู้ใช้งานให้เข้ามามีส่วนร่วมได้
ทั้งนี้ Web3 คือ เทคโนโลยีที่ยังต้องใช้เวลาในการสร้าง Mass Adoption ให้ได้รับการยอมรับในวงกว้างจึงอาจจะยังไม่ได้ตอบโจทย์ทางธุรกิจในระยะเวลาอันสั้นแต่ถ้าแบรนด์หรือผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาเป็น First Mover ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีในการเข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยีนี้ตั้งแต่วันนี